วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

ฐานผลิตฟูนานของเชฟรอนประเทศไทยรับรางวัล SHE Award 2016 ด้วยผลงานโดดเด่นด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ (ที่ 3 จากซ้าย) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มอบรางวัลสถานประกอบกิจการปิโตรเลียมที่มีการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2559 ระดับยอดเยี่ยม แก่บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด โดยมีนายแจ็คสัน เบเคอร์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ รวมถึงตัวแทนผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงแรมเซ็นทารา  แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

 

เมื่อเร็วๆ นี้ ฐานผลิตฟูนานที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้รับมอบรางวัลระดับยอดเยี่ยม(Excellent Award) จากพิธีมอบรางวัลสถานประกอบกิจการปิโตรเลียมที่มีการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมดีเด่น (SHE Award) ประจำปี พ.ศ. 2559 ที่จัดขึ้นโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน โดยนายแจ็คสัน เบเคอร์ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ เชฟรอนประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารของบริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนรับมอบรางวัลจากพลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

 

การมอบรางวัลสถานประกอบกิจการปิโตรเลียมที่มีการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมดีเด่น หรือ SHE Award จัดขึ้นโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับระบบบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นและมุ่งสู่ระดับสากล ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยในปีนี้ แหล่งฟูนาน ของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้รับการประเมินอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ด้วยระดับคะแนนมากกว่า 90เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการรับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รางวัลดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และสะท้อนวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานที่เข้มแข็งของเชฟรอน


วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

ประกาศผลโครงการชมนาดครั้งที่ 5


กลับมาอีกครั้งกับการประกาศผลรางวัลชมนาด (The Best of Non-Fiction) โครงการประกวดสารคดีที่สร้างสรรค์โดยนักเขียนสตรีไทย จัดโดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ต่อเนื่องมาจนถึงครั้งที่ 5  ซึ่งจัดงานแถลงข่าวในบ่ายวันที่ 8 กันยายน 2559 ณ ชั้น 29 ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม 

ผลปรากฏว่า ขังหญิง ผลงานขอ นวกันต์  หรือ ธนัดดา สว่างเดือน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผลงานรางวัลชนะเลิศ โครงการชมนาดครั้งที่ 5 (The Best of Non-Fictionผลงานสารคดีที่ตีแผ่ชีวิตในห้องขัง ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดวันต่อวัน ภายใต้กฎระเบียบที่รัดกุมท่ามกลางเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายร้อยชีวิตที่ต่างคนต่างก็ต้องต่อสู้ชีวิต และหาทางเอาตัวรอดจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ


อีกหนึ่งผลงานรางวัลรองชนะเลิศ คือ สองชีวิตหนึ่งใจ  ผลงานของ พิศมัย ไชยสิทธิ์ เจ้าของนามปากกา ไหมพรม  เจ้าของเรื่องราวของแม่ที่ลูกมีอาการ ADS หรือที่เราเรียกว่า เด็กพิเศษ” ที่ทำให้หนูน้อยมีพัฒนาการบางอย่างช้ากว่าเด็กทั่วไป แต่เธอก็ทำหน้าที่ของคนเป็นแม่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวในเส้นทางชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์ที่สองแม่ลูกจูงมือกันก้าวข้ามทุกขวากหนามมาด้วยรอยยิ้มและน้ำตา

โดยรางวัลชนะเลิศ “รางวัลชมนาด” จะได้รับการประดับ “เข็มกลัดสัญลักษณ์รางวัลชมนาดล้อมเพชรแท้” ทรงคุณค่า พร้อมเงินรางวัลจำนวน 70,000 บาท และค่าลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์เป็นเล่ม ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตามมาตรฐานค่าตอบแทนลิขสิทธิ์ของแต่ละประเทศ

ส่วนรางวัลรองชนะเลิศจะได้รับเกียรติบัตรชมเชย จากโครงการ  Chommanard Book Prize พร้อเงินรางวัล 50,000 บาท  และต้นฉบับจะได้รับการจัดพิมพ์เผยแพร่เพียงภาษาเดียว พร้อมค่าลิขสิทธิ์ตามมาตรฐานไทย 

 

 

สำหรับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้ ขังหญิง ได้รับความเห็นจากคณะกรรมการดังนี้ “...ผู้เขียนได้ตระหนักถึงคุณค่าของอิสรภาพและแง่งามของความเป็นมนุษย์ว่าในท่ามกลางความยากลำบากอย่างแสนสาหัสใน โลกมืด” แห่งนี้ มนุษย์ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันยังคงมีมิตรภาพ ความรัก ความเอื้ออาทร ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในความทุกข์ก็ยังมีช่วงเวลาของความสุขที่มนุษย์สามารถมอบให้แก่กันได้ อีกทั้งยังชี้ให้เห็นว่าวิถีชีวิตของคนคุกบางคนน่าเห็นใจ เพราะมีสาเหตุมาจากครอบครัวแตกแยกและสังคม

โดยในพิธีมอบรางวัล ได้รับเกียรติจาก คุณชาติศิริ โสภณพนิชกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ขึ้นกล่าวแสดงความยินดี และมอบเช็คเงินรางวัลแก่ผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ และรางวัลชนะเลิศ ตามลำดับ จากนั้นมีการสัมภาษณ์ผู้ที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับผลงานที่ส่งเข้าประกวด และมีการกล่าวถึงโครงการชมนาดในครั้งที่ 6 โดย บจก.สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น  มาแจ้งให้รายละเอียด ซึ่งในครั้งนี้เป็นประเภทงาน สารคดี - อรรถคดี (non-fiction) ที่ยังคงรูปแบบเดิมในการประกวดคือ เขียนโดยสตรีไทย ที่สร้างสรรค์อย่างเป็นเลิศและมีความประณีตเหมาะสมที่จะแปลและจัดพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเผยแพร่ไปให้ทั่วโลกได้ชื่นชมโดยทั่วกัน.

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559

ผลการประกวดงาน Lisa Tomorrow's Young Achievers 2



เผยโฉม สาวเก่งอาชีพสุดฮอต โครงการ Lisa Tomorrow’s Young Achievers ซีซั่น 2

 นิตยสารลิซ่า ในเครือบริษัท เบอร์ด้า ประเทศไทย จำกัด จัดงานประกาศผล โครงการ Lisa Tomorrow’s Young Achievers Season 2 (ลิซ่า ทูมอโร่ว ยังแอคชีเว่อร์ ซีซั่นสอง) เผยโฉมสุดยอดสาวเก่งจาก 5 สาขาอาชีพสุดฮอต ได้แก่ สุขภาพและความงาม อาหาร แฟชั่นและการออกแบบบันเทิง และ ธุรกิจดิจิตอล จุดประกายฝันให้ผู้หญิงรุ่นใหม่เติมฝันให้ตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในชีวิต

สำหรับงานประกาศผล โครงการ Lisa Tomorrow’s Young Achievers Season 2 ครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณพิมพ์สิริ ใจยะ บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร ลิซ่า กล่าวเปิดงาน ร่วมกับผู้บริหารจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ DTAC  พร้อมด้วยคณะกรรมการกิติมศักดิ์ทั้ง 5 ท่านเข้าร่วมการตัดสิน ได้แก่ คุณพลพัฒน์ อัศวะประภา จากแบรนด์เสื้อผ้า ASAVA, คุณพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรชื่อดังและเจ้าของบริษัท Show No Limit, คุณแพนเค้ก -เขมนิจ จามิกรณ์ นักแสดงนางแบบชื่อดังคุณป้อ-กรกนก สว่างรวมโชค เจ้าของร้านรองเท้า Shuberry ผู้ชนะในโครงการซีซั่นแรก คุณพิมพ์สิริ ใจยะ ร่วมด้วยแขกรับเชิญในงาน คุณปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล



คุณพิมพ์สิริ ใจยะ บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร ลิซ่า กล่าวว่า โครงการ Lisa Tomorrow’s Young Achievers Season 2 เป็นโครงการที่นิตยสารลิซ่าจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้กับสาวๆ ที่กำลังเดินตามความฝันในธุรกิจ 5 สายอาชีพ ได้แก่ สุขภาพและความงาม (Beauty & Health),อาหาร (Food) ,แฟชั่น (Fashion), บันเทิง (Entertainment) และ ธุรกิจดิจิตอล (Biz & Tech) ได้เข้าร่วมประกวดเพื่อต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจ พร้อมชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท โดยลิซ่าพร้อมเป็นช่องทางในการช่วยโปรโมทธุรกิจให้กับบรรดาสาวๆที่ผ่านเข้ารอบ พร้อมด้วยเหล่าผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจมาร่วมเป็นวิทยากรและให้คำปรึกษา อาทิเช่น ด้านการบริหารการเงิน แนวคิดในการดำเนินชีวิตและธุรกิ การสร้างแบรนด์ในโลกออนไลน์ การเป็นสุดยอดพรีเซนเตอร์ ฯลฯ 

“ โครงการ Lisa Tomorrow Young Achiever เป็นโครงการที่นิตยสารลิซ่าจัดขึ้นต่อเนื่อง ปีนี้นับเป็นครั้งที่2 แล้ว โดยปีที่ผ่านมาโครงการนี้ได้ร่วมต่อยอดความฝันให้กับผู้หญิงเก่งไว้อย่างมากมาย อาทิ คุณป้อ-กรกนก สว่างรวมโชค ผู้ก่อตั้งแบรนด์รองเท้าเพื่อสุขภาพ Shuberry ,คุณตรัย-วาสิกา อุดมธนสกุล เจ้าของแฟนเพจ “บ่นบ่น” ,คุณนีน่า-แพรวเพชร กาญจน์เกียรติกุล Beauty Blogger  และคุณชิ้ง-กรวรรณ อัศวานุชิต เจ้าของเพจ ChingCanCook เป็นต้น” 

โครงการ Lisa Tomorrow’s Young Achievers Season เป็นโครงการที่นิตยสารลิซ่า เปิดโอกาสให้กับผู้หญิงรุ่นใหม่อายุ 18-35 ปีที่ประสบการณ์อย่างน้อย 3 ปีขึ้นไปใน 5 สาขาอาชีพยอดฮิต และมีช่องทางในการโปรโมทธุรกิจทางสื่อออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ค อินสตราแกรม ยูทูปและบล็อกของตัวเองที่มีผู้ชมหรือผู้ติดตามตั้งแต่ 3,000 คนขึ้นไป ส่งประวัติและบอกเล่าเรื่องราว Success Story ในสายอาชีพที่ทำผ่านทาง www.lisaguru.com/tya2   

“ ในปีนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจากทั่วประเทศทั้งหมด 275 คน ซึ่งต้องยอมรับว่าผู้หญิงเก่งทั้ง 25 คนที่ได้รับการคัดเลือกผ่านเข้ามายืนในรอบสุดท้ายครั้งนี้ แต่ละคนล้วนมีประวัติและเรื่องราวที่น่าสนใจ และถือเป็นตัวแทนไลฟ์สไตล์ด้านต่างๆในทุกแง่มุมที่อยู่ในความสนใจของสาวๆยุคนี้ซึ่งน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้เดินตามฝัน ก้าวไปสู่เป้าหมายของตัวเองเช่นเดียวกัน” 

สำหรับบรรยากาศงานประกาศผลรางวัลผู้ชนะโครงการ Lisa Tomorrow Young Achievers Season 2 จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เต็มไปด้วยความคึกคัก ด้วยแฟชั่นโชว์เปิดตัวสาวเก่ง 25 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ร่วมเดินแบบกับนางแบบอาชีพ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ โดยเสื้อผ้าจากแบรนด์ไทยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง Curated by Ek Thongprasert

ต่อจากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงไฮไลท์ที่ผู้เข้าประกวดจะต้องนำเสนอแผนความฝัน และเป้าหมายของตัวเองในแต่ละสาขาอาชีพ ภายใต้โจทย์ที่ใช้ชื่อว่า Tomorrow’s Plan พร้อมตอบคำถามเพื่อวัดไอเดียในการต่อยอดธุรกิจจากคณะกรรมการกิติมศักดิ์ ปิดท้ายด้วยการประกาศผลการตัดสิน และมอบรางวัลมูลค่ากว่า แสนบาทให้กับทั้ง สุดยอดสาวเก่งผู้ชนะจากเกณฑ์การตัดสินรอบสุดท้ายซึ่งแบ่งเป็น ส่วน ได้แก่ คะแนนการโหวตจากประชาชนทั้งประเทศ 50% ผ่านช่องทาง www.lisaguru.com/tya2  , คะแนนจากคณะกรรมการรอบตัดสิน 30% และคะแนนจากการโปรโมทผ่าน Social Media ของผู้ประกวด 20% 

 

 

สำหรับรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลทั้ง สาขาและรางวัลป๊อบปูล่าโหวตมีดังนี้

-สาขาสุขภาพและความงาม (Beauty&Healthได้แก่

คุณนฤชล นฤชาญภัทรัฐ (ดรีม) 21ปี Make-up Artist

-สาขาอาหาร (Food)

คุณธันยพร เสรีดีเลิศ (มิ้น) 27 ปี Food Stylist

-สาขาธุรกิจดิจิตอล (Biz & Tech)

คุณสิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์ (สิ) 26 ปี เจ้าของธุรกิจ “U DRINK I DRIVE”

-สาขาแฟชั่นและการออกแบบ (Fashion)

คุณพรปวีณ์ ชีพจิตรตรง (เอิร์น) เจ้าของเสื้อผ้าแฟชั่น “Cheval”

-สาขาบันเทิง (Entertainment)

คุณมนัสนันท์ เมธีศิลปะวณิช (ดิว) 29ปี Online Modeling

ส่วนรางวัลป๊อปปูล่าโหวต ได้แก่

คุณโสภา พิมพ์สิริพานิชย์ (โซอี้) 34ปี เภสัชกรและเจ้าของแบรนด์ผ้าพันคอ “ZOE SCARF”

 

 

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

สมาคมการพิมพ์ไทย จัดพิธีประกาศผลการประกวดและแจกรางวัล “การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 11” Inspire the Future แรงบันดาลใจแห่งอนาคตของอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ไทย

ปัจจุบัน โลกมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ในประเทศไทย ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 
สมาคมการพิมพ์ไทย จึงได้จัด การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 11 โดยใช้แนวความคิด Inspire the Future หรือ แรงบันดาลใจแห่งอนาคตของอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ไทย มีจุดประสงค์ที่จะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ของประเทศไทย ลุกขึ้นมาเตรียมความพร้อมที่จะเดินหน้าสู่อนาคตแห่งเทคโนโลยียุคใหม่ไปพร้อมๆกัน ร่วมกันสร้างแนวทางในการใช้จุดแข็งของการพิมพ์ที่มีคุณภาพระดับโลกผสมผสานกับเทคโนโลยีที่เป็น Future Trend เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคและสามารถแข่งขันในตลาดสากลอย่างครบมิติ 
สมาคมการพิมพ์ไทยได้จัดการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติต่อเนื่องมาแล้วถึง 10 ครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง และช่วงทศวรรษแรกนี้ ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ทำให้อุตสาหกรรมการพิมพ์เติบโตและแข่งขันกับนานาประเทศได้ การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 11  ในปีนี้ จึงถือว่าเป็นปีแรกของทศวรรษใหม่แห่งอนาคต ทีมงานการจัดการประกวด จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการประกวดโดยได้เพิ่มเติมประเภทของการประกวดที่จะสอดคล้องกับนโยบายของประเทศและความต้องการของตลาดดิจิตัลที่กำลังจะมาถึงในอนาคต 
 
การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 11 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเนื่องจากได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการพิมพ์ทั่วประเทศ ร่วมกันส่งผลงานสิ่งพิมพ์เข้าร่วมการประกวดอย่างมากมายดังเช่นทุกๆปีสำหรับการประกวดในปีนี้ คณะกรรมการการจัดงานได้แบ่งประเภทของการประกวดเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. Offset Printing ระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ท
2. Digital Printing ระบบการพิมพ์แบบดิจิตอล
3. งานพิมพ์บรรจุภัณฑ์อ่อนตัว พิมพ์ด้วยระบบ Flexography gravure ฉลาก สติ๊กเกอร์ ป้ายบรรจุหีบห่อ 
4. Special Categories งานพิมพ์ประเภทที่เป็นลักษณ์เฉพาะ
และเพื่อให้สอดคล้องกับการที่อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ได้รับการสนับสนุนสิทธิประโยชน์จาก BOI (BOI Investment Promotion) สมาคมการพิมพ์ไทยได้เพิ่มประเภทการประกวดขึ้นมาอีก 3 รางวัล คือ 
-ประเภทสิ่งพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) 
-ประเภทการออกแบบ (Graphic/Functional Appeal) และ 
-ประเภทความคิดสร้างสรรค์ (Creativeness)  
 
และเพื่อเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของการประกวดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นนอกจากการที่ ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในค่ำคืนนี้ จะถูกส่งเข้าประกวดใน การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งเอเซีย หรือ Asian Print Awards แล้วนั้น สมาคมการพิมพ์ไทยได้รับเกียรติจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการส่งบริษัทที่ได้รับรางวัล เข้ารับการคัดเลือกไปร่วมการประกวด PM Award หรือ Prime Minister’s Export Award ซึ่งเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเวทีหนึ่งของประเทศไทย และเป็นการประกวดที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดทั้งจากองค์กรภาครัฐและเอกชน จึงนับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของ ”การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ” ในการที่จะแผ่ขยายความเชื่อมั่นให้ได้ครอบคลุมกว้างไกลยิ่งขึ้น
​นายวิรุฬห์ ส่งเสริมสวัสดิ์ ประธานการจัดงานการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 11 กล่าวว่า “การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติของสมาคมการพิมพ์ไทยในปีที่ 11 นี้ยังคงได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการสิ่งพิมพ์ในประเทศไทยส่งผลงานเข้าร่วมประกวดอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งไม่เพียงแสดงถึงความกระตือรือร้นที่ต้องการพัฒนาศักยภาพทางด้านการพิมพ์ของผู้ประกอบการวิสาหกิจการพิมพ์ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงงานพิมพ์ที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าประเทศชั้นนำอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเห็นได้จาก การที่ประเทศไทยได้รับเหรียญทองมากเป็นอันดับหนึ่งในการจัดการประกวด  Asian Print Awards หลายปีติดต่อกัน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าขณะนี้คุณภาพการพิมพ์ของโรงพิมพ์ในประเทศไทยมีความก้าวหน้าทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว”
​“ผลรางวัลการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 11 มีจำนวนทั้งหมด 90 รางวัล ล้วนเป็นชิ้นงานที่มีความโดดเด่นทั้งทางด้านคุณภาพการพิมพ์ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งในปีนี้ ทางสมาคมการพิมพ์ไทย ใช้แนวความคิดว่า  Inspire the Future  แรงบันดาลใจแห่งอนาคตของอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ไทยซึ่งมีจุดประสงค์ที่จะเน้นย้ำทางด้านคุณภาพงานพิมพ์ผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยียุคใหม่ และการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่ง ผลการตัดสินได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงพิมพ์ในประเทศไทย ทีมีความพร้อมในการเดินหน้าไปสู่อนาคตอย่างแน่นอน
นางสาวพิมพ์นารา จิรานิธิศนนท์ นายกสมาคมการพิมพ์ไทย กล่าวว่า “การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ หรือ Thai Print Awards เป็นเวทีสำหรับแสดงผลงานและศักยภาพทางการพิมพ์ของผู้ประกอบการวิสาหกิจการพิมพ์ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการพิมพ์ของไทยให้พัฒนาต่อเนื่อง และตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพงานพิมพ์ เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ให้ความสนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดอย่างต่อเนื่องทุกปี”
“ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่นำพาสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยที่เห็นได้ชัดคือ การที่ผู้ประกอบการโรงพิมพ์ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพของงานพิมพ์และให้ความร่วมมือส่งผลงานเข้าแข่งขันในทุกๆ ครั้งของงานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติที่ผ่านมา โดยจำนวนตัวเลขของชิ้นงานที่ถูกส่งเข้ามาประกวดนั้นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี และชิ้นงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศนั้นก็มีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และจุดที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ คุณภาพของสิ่งพิมพ์ไทยนั้นไม่ได้กระจุกตัวอยู่เฉพาะโรงพิมพ์ที่มีขนาดใหญ่ หากแต่ช่วงหลังๆ มีรายชื่อโรงพิมพ์หน้าใหม่ๆ ก้าวขึ้นมารับเหรียญรางวัลมากขึ้นเรื่อยๆ ทางสมาคมการพิมพ์ไทยใคร่ขอแสดงความยินดีแก่ผู้ที่ได้รับรางวัลใน การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 11 ในปีนี้ พร้อมทั้งจัดงานประกาศผลรางวัลเพื่อประกาศเกียรติคุณให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจสิ่งพิมพ์ที่สร้างสรรค์งานคุณภาพในตัวของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นการต่อยอดไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าสิ่งพิมพ์ของคนไทย”